วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

นิวรณ์ ๕

ต้องไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง
ไม่แนะนำให้ผู้อื่นทำลายศีล
และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำลายศีลแล้ว

นิวรณ์ ๕ อันควรละ ได้แก่
กามฉันทะ        ความรักระหว่างเพศ
ปฏิฆะ             ความหงุดหงิดอาฆาตพยาบาท
ถีนมิทธะ          ความง่วงเหงาเกียจคร้าน
อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านของจิต
วิจิกิจฉา           ความสงสัยในผลของการปฏิบัติ

วิธีฝึก ขั้นตอนการฝึก มโนมยิทธิ แบบครึ่งกำลัง

        อานิสงค์ในการฝึก “ มโนมยิทธิ “          
    1. ดอกไม้ 3 สี / ธูป 3 ดอก / เทียนหนัก 1 บาท   2 เล่ม / ได้อานิสงค์ เบื้องต้น คือ “ อามิสบูชา “ แก่พระพุทธเจ้า
    2. บริจากเงิน 1 สลึง หรือ 1 บาท เป็นค่าบูชาครู ( คือ พระรัตนตรัย ) ได้อานิสงค์ ใน “ จาคานุสสติกรรมฐาน “
    3. สมาทานพระกรรมฐาน ก่อนทุกครั้ง ได้อานิสงค์ ใน “ พุทธานุสติ ธรรมมานุสสติ สังฆานุสติ “ และ “ อิธิษฐานบารมี “
    4. เมื่อเริ่มนั่งสมาธิ จิตทรงตัวในดี เบื้องต้น ว่างจากกิเลสชั่วขณะ วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ได้ชื่อว่า “ เป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน “  ได้อานิสงค์ หากตายตอนนั้นได้อยู่ที่ สวรรค์ก่อน
    5. เมื่อกำหนดรู้ลมหายใจ เข้า / ออก ได้อานิสงค์ “ อานาปานุสติกรรมฐาน “
    6. เมื่อบริกรรมภาวนา “ นะ มะ / พะทะ“ รวมกำลังของกสิณ หากฝึกได้เชี่ยวชาญแล้ว จะทรงอภิญญา 5
       นะ ในที่นี้ท่านหมายถึง ธาตุดิน ได้อานิสงค์ ของ “ กสิณดิน “
       มะ ในที่นี้ท่านหมายถึง ธาตุน้ำ ได้อานิสงค์ ของ “ กสิณน้ำ “
       พะ ในที่นี้ท่านหมายถึง ธาตุลม ได้อานิสงค์ ของ “ กสิณลม “
       ทะ   ในที่นี้ท่านหมายถึง ธาตุไฟ ได้อานิสงค์ ของ “ กสิณไฟ “
     7. เมื่อในขณะ บริกรรม ภาวนา ตามลมหายใจ เข้า /ออก ให้กำหนดพุทธนิมิต ให้จิตป็นผู้รู้ จิตเป็นผู้เห็น ได้อานิสงค์
“ พุทธานุสสติ “ ในบางกรณี ระลำถึงพระอริยสงฆ์ ได้อานิสงค์ “ สังฆานุสสติ “
     8. เมื่อขณะจิตทรงอารมณ์ฌาน ที่ 1 2 3 4 ได้อานิสงค์ ขององค์ฌานต่างตามลำดับ เบื้องต้น จะเกิดความคล่องตัว ในวิปัสสนาญาณ และได้อานิสงค์ ในการเกิดในพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึง 12 ตามแต่กำลังใจในการเข้าฌานได้
     9. เมื่อมาตั้งกำลังใจในการพิจารณา ใน “ อริยะสัจจะ “ ข้อที่ 1 คือ “ ทุกข์ “ ในเบื้องต้นอันได้แก่
   ( ๑ ). ความเกิดเป็นทุกข์
   ( ๒ ). ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นทุกข์
  ( ๓ ). ความพลัดพรากของรักของชอบเป็นทุกข์
  ( ๔).ความแก่ที่ย่างก้าวเข้ามาเป็นทุกข์
  ( ๕ ). ความตายที่ก้าวเข้ามาเป็นทุกข์ /……ได้อานิสงค์ ใน “ ธรรมมานุสสติกรรมฐาน “ เนื่องด้วย “ วิปัสสนาญาณ 9 “
    10. เมื่อตั้งใจอธิษฐานว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดใน พรหมโลก เทวะโลก มนุษยโลก อบายภูมิ4 เราไม่ต้องการที่จะไปเกิดอีก ภายหลังจากตายไปในชาตินี้ เราขอมุ่งตรงอย่างเดียว คือพระนิพพาน    ได้อานิสงค์ “ ขณิกะนิพพาน “
      ในขณะนั้นจิตจะว่างจากกิเลสชั่วขณะ เข้าสู่กระแสแห่ง อริยะเจ้าเบื้องต้น ( พระโสดาบัน ต้นๆ ) ชั่วขณะ
     11. จึงเกิดเป็นทิพย์จักขุญาณ หรือเป็นผลของอภิญญานั้นเอง ได้อานิสงค์ ให้ถอด “ อทิสมานกาย “ ได้เพราะจิตว่าง
จากกิเลส คือเครื่องเศร้าหมองร้อยใจ
     12.เมื่อได้พบพระพุทธเจ้า ที่นำอทิสมานกายไปสู่โลกแห่งความเป็นทิพย์ ได้อานิสงค์ พุทธานุสติ
           เมื่อได้พบพระอริยะสงฆ์ ที่นำอทิสมานกายไปสู่โลกแห่งความเป็นทิพย์ ได้อานิสงค์ สังฆานุสติ
           เมื่อได้พบ เทวดา หรือ พรหม ที่นำอทิสมานกายไปสู่โลกแห่งความเป็นทิพย์ ได้อานิสงค์ เทวตานุสติ
      13. เมื่อได้บารมีมาถึงลำดับที่ 12 นี้แล้วความดีเดิม ที่เคยฝึกได้ “ อภิญญา 5 “ จะรวมตัวกันจนเป็นผลในชาติปัจจุบัน เป็นอภิญญา เล็กๆน้อยๆ คือ ทิพยจักขุญาณ และ “ ฤทธิ์ทางใจ “ นั้นเอง  ได้อานิสงค์ สามารถที่จะท่องเที่ยว ใน อบายภูมิ 4 , มนุษยโลก , เทวะโลก , พรหมโลก , และ เมืองพระนิพพาน ในที่สุด
       14.เมื่อได้ “ ฤทธิ์ทางใจ “ แล้ว จะได้อานิสงค์ เป็นความรู้ตามมาอีก 8 อย่าง หรือ ญาณ 8 นั้นเอง วึ่งท่านจะได้ศึกษาในเนื้อหาต่อไป
        15. เมื่อรู้ความไม่เที่ยงใน ภพทั้ง 4 แล้ว และรู้ความเที่ยงในพระนิพพาน “จิตก็จะเบื่อหน่ายในการเกิด ในภบทั้ง 4 และตั้งกำลังใจไว้ที่พระนิพพาน เพียง สถานที่เดียว
     ด้วยเหตุทั้งหลายเหล่านี้เองขอให้ข้าพระพุทธเจ้า และหมู่คณะจงได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด
                              
  การตั้งกำลังใจในขณะฝึก     ฤทธิ์ทางใจ                                    
      การตั้งกำลังใจในขณะฝึก สำหรับ“ ท่านที่ฝึกใหม่ “ หรือ “ ท่านที่เคยฝึกแล้วแต่ยังไม่ได้ ฤทธิ์ทางใจ ควรที่จะเตรียมกำลังใจ ไว้ก่อนพอสมควร ดังนี้
      ๑.เป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นเบื้องต้น
      ๒.เป็นผู้ให้ทานตามสมควร หรือ ค่าครู
      ๓. เป็นผู้ที่รักษาศีลดี เป็นปรกติ
      ๔.มีจิตต์ตั้งมั่นในสมาธิ ตามแต่กำลังใจของตน “ ท่านหมายเอาถึงจิตต์เป็นสุข เป็นเกณฑ์ “
หรือทรงฌาน ในระดับต่าง ( ได้แก่ คณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ ฌานที่ ๑ / ฌานที่ ๒ / ฌานที่ ๓ / ฌานที่ ๔ ) หรือ ( อรูปฌาน ๑ / อรูปฌาน ๒ / อรูปฌาน๓ / อรูปฌาน ๔ ) ควรที่จะปฏิบัติสมาธิให้มีความต่อเนื่อง

       ในกรณีที่ต้องการฝึก “ ฤทธิ์ทางใจ “ แบบครึ่งกำลังควรที่จะตั้งกำลังใจดังนี้
     ๔.๑. กำหนดรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ตามความเป็นจริง เช่น จังหวะในการหายใจเข้าสั้นหรือยาว ก็มีสติรู้และรักษาระดับจังหวะในการหายใจนั้น
     ๔.๒. กำหนดรู้ในคำภาวนา ให้ควบคู่กับลมหายใจ คือ เมื่อหายใจเข้า นึกรู้อยู่ในใจว่า “ นะ มะ “
       กำหนดรู้ในคำภาวนา ให้ควบคู่กับลมหายใจ คือ เมื่อหายใจออก นึกรู้อยู่ในใจว่า “ พะ ทะ “
      ๔.๓. กำหนดรู้ในภาพนิมิต ของ “ พระพุทธเจ้า “ หรือ “ พระอริยะสงฆ์ “ ในอิริยาบทต่างๆ หรือ ตามความพอใจ หรือ จินตนาการความจำ ( สัญญา คือ การจำได้หมายรู้ ในนิมิต )
ในกรณี ที่จำภาพนิมิต ไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้องฝืนอารมณ์จิต หรือบังคับจิตต์ให้มีความรู้สึกว่าเห็น เพราะจะทำให้เกิดความหนักใจ
      ๔.๔. อิริยาบท ๔ ให้เลือกใช้อิริยาบทอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามความพอใจ ในอิริยาบทนั้นๆ
      ๔.๕.ระยะเวลาในการปฏิบัติสมาธิ หมายเอาอารมณ์จิตต์ที่เป็นสุข เป็นเกณฑ์ เช่น ๕ นาที หรือ ๑๐ นาที หรือ ๓๐ นาที เป็นต้น

บารมี 10

บารมี 10


บารมีี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มีดังนี้
  1. ทานบารมีี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
  2. ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
  3. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
  4. ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
  5. วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
  6. ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
  7. สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
  8. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
  9. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
  10. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า "ช่างมัน" ไว้ในใจ

พระกรรมฐาน

11

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

คาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม

คาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม
นะโม กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วา วะชิรัง นามะ ปะฏิมัง อิทธิธรรมะปาฏิหาริยะกะรังสมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นพุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม

สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา

คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม
นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสาร โดยสิ้นเชิงด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ

คุณ ประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้

1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเราการแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้าถ้าเรา โกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก

2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข

3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง

4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์

5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็น จิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชาพระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ
  • 1) พุทธานุสสติกรรมฐาน
  • 2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน
  • 3) สังฆานุสสติกรรมฐาน
  • 4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
  • 5) อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน
  • 6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ
7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆ วันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย

8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น

9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระ บรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวง ธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไป ให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญการขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้นจิตของสัตว์อบายภูมิน้อย นักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคนเราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล

    10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ
    •  สัตว์นรก
    • เปรต
    • อสุรกาย
    • สัตว์เดรัจฉาน
    • คน
    • เทวดา พรหม
    โปรด สัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะ กฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่ เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป พระอัครสาวก

    ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป

    (คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมและอานิสงค์ การสวดคาถาแผ่เมตตานี้ได้มาจากท่านพระยายมราช)

    คาถาเงินล้าน

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ท่อง 3 จบ)

    นาสังสิโม
    พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ ,
    พรหมมา จะ มหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม,
    มะหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม,
    มิเตพาหุหะติ
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ ,วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะติจฉามิ
    เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
    (ท่อง 9 จบ)
    ผู้ หมั่นภาวนาก่อนที่จะทำบุญให้ทานใด ๆ หรือสวดก่อนที่จะเข้านอนเสมอ ๆ มิได้ขาดท่านว่า จักเป็นบุญบันดาลอันประเสริฐเลิศล้ำด้วยลาภผล เป็นเศรษฐีมิต้องยากจนแล

    สถานที่ฝึกมโนมยิทธิ

    กรุงเทพฯ

    - บ้านสายลม เลขที่ 9 ซอยสายลม 1 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. (02) 271-3868 , (02) 272-6759

    - วัดกระทุ่มเสือปลา มีพระอาจารย์องอาจ อาภาโร เจ้าอาวาส ซอยอ่อนนุช 67 เขตประเวศ กรุงเทพฯ โทร. (02) 328-7776 ฝึกทุกวันเสาร์ เวลา 19.00-21.30 น.

    - บางโพ อยู่ข้างโรงพยาบาลบางโพ ฝึกทุกวันเสาร์อาทิตย์แรกของเดือน กรุงเทพฯ โทร.02-912-9031

    - หมู่บ้านสีวลี รังสิต(สี่มุมเมือง) เลขที่ 600/1404 ซอย 6/5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12130 โทร.02-992-3023 เปิดรับแขก 08.30-16.30 น. วันศุกร์ 1-9
    สอนมโนมยิทธิ เวลา 19.30-21.30 น. ของทุกเดือน